ออกแบบแสงสว่างร้านตัดผม ใช้ ดาวน์ไลท์ หรือไฟแทรคไลท์ อย่างไรให้ลูกค้าดูดี?

ออกแบบแสงสว่างร้านตัดผม ใช้ ดาวน์ไลท์ หรือไฟแทรคไลท์ อย่างไรให้ลูกค้าดูดี

ออกแบบแสงสว่างร้านตัดผม ใช้ ดาวน์ไลท์ หรือไฟแทรคไลท์ อย่างไรให้ลูกค้าดูดี?

การออกแบบแสงสว่างในร้านทำผมหรือร้านบาร์เบอร์ (Barber Salon Shop) ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า แสงที่ดีจะช่วยให้ช่างทำผมมองเห็นรายละเอียดได้อย่างชัดเจน และที่สำคัญที่สุดคือทำให้ลูกค้ารู้สึกดีกับภาพลักษณ์ของตนเองขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ ซึ่งนำไปสู่การกลับมาใช้บริการซ้ำ

ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่าควรเลือกใช้ โคมไฟดาวน์ไลท์ และไฟแทรคไลท์ LED อย่างไร เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละโซนของร้านตัดผม

1. องค์ประกอบสำคัญของแสงสว่างในร้านตัดผม

ร้านตัดผมแบ่งเป็น 2 โซนหลัก ซึ่งต้องการการออกแบบแสงสว่างที่แตกต่างกัน:

A. โซนสระผม (Shampoo Area)

  • เน้นบรรยากาศ: ควรใช้แสงทางอ้อม (Indirect Light) เพื่อให้ความสว่างโดยรวมและช่วยในการตกแต่ง
  • ข้อควรระวัง: ห้ามติดตั้ง โคมไฟดาวน์ไลท์ หรือไฟกำลังสูงตรงเหนือศีรษะลูกค้าโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดแสงแยงตา (Glare) เมื่อลูกค้าเงยหน้า
  • การติดตั้งที่เหมาะสม: ใช้ไฟส่องเฉพาะจุด (Ceiling Spotlights) ส่องลงพื้นเพื่อเป็นแสงสว่างพื้นฐาน และใช้ไฟซ่อนตามร่อง (Line Troughs) ให้แสงเสริมที่นุ่มนวล

B. โซนตัดผม/ทำผม (Hairdressing Area)

  • เน้นความสว่างและปราศจากเงา: แสงในบริเวณนี้ต้องเพียงพอและเพียงพอต่อการทำงาน
  • ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ไฟส่องตรงไปที่กระจก เพราะจะเกิดแสงสะท้อนเข้าตาของลูกค้า และแสงจากด้านบนศีรษะโดยตรงจะทำให้เกิดเงาบนใบหน้าลูกค้า
  • การติดตั้งที่เหมาะสม:
    • แสงหลัก: วางไฟด้านบนในตำแหน่งที่ถูกต้องเพื่อเป็นแสงสว่างทั่วไป
    • แสงเสริม: ติดตั้งไฟผนัง, ไฟตั้งพื้น, หรือไฟข้างกระจก (Mirror Lights) เพื่อกำจัดเงาบนใบหน้าของลูกค้าในทุกมุมมอง
    • ปัจจุบันนิยมใช้: downlight โคมดาวน์ไลท์ไฟ แบบป้องกันแสงจ้า (Anti-glare Downlights) และไฟส่องผนัง (Wall Washer Downlights)

2. คุณสมบัติของหลอดไฟที่ช่างทำผมต้องการ

“ช่างทำผมที่ดีไม่ได้วัดที่ฝีมือเพียงอย่างเดียว แต่วัดที่แสงในร้านตัดผมนั้นดีพอหรือไม่”

  • อุณหภูมิสี (CCT): ควรใช้ 4000K (Natural White) แสงสีขาวธรรมชาติ ซึ่งเหมาะสมที่สุด เพราะช่วยให้ช่างทำผมเห็นรายละเอียดของเส้นผมและเงาได้ชัดเจนโดยไม่สว่างจ้าหรือทำให้ปวดตา
  • ค่าความถูกต้องของสี (CRI): ต้องเลือก CRI 90 ขึ้นไป เป็นอย่างยิ่ง เพราะลูกค้าที่ทำสีผมจะมองเห็นสีที่ถูกต้องภายในร้าน ตรงกับสีที่เห็นเมื่อออกไปกลางแจ้ง การที่ลูกค้าดูดีบนเก้าอี้จะช่วยให้เกิดความประทับใจและกลับมาใช้บริการซ้ำ

3. การผสมผสานโคมไฟให้ลงตัว

ร้านทำผมที่ประสบความสำเร็จมักผสมผสานโคมไฟหลายประเภทเข้าด้วยกัน:

  1. ไฟสปอตไลท์หลายดวง: ใช้ ดาวน์ไลท์ติดลอย หรือ ดาวไลท์ฝั่งฝ้า แบบสปอตไลท์ โดยให้ความสำคัญกับทิศทางและตำแหน่งการส่อง
  2. แสงสว่างที่สม่ำเสมอ: ใช้โคมไฟที่มีองศากว้าง (Wide-angle) จัดวางให้ทั่วถึงและส่องจากด้านหลังเล็กน้อยไปยังด้านบนศีรษะลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าดูดีและมีแสงเพียงพอสำหรับพื้นที่ทำงานของช่าง